ในยุคสมัยนี้ต้องยอมรับว่าการทำภาพเคลื่อนไหวหรือการทำภาพให้ขยับได้นั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างง่ายและสะดวกรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพราะมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์มากมายที่สามารถทำรูปภาพธรรมดาๆ ให้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหวชนิดที่ทำเอาหลายคนงงไปตามๆ กัน อย่างโปรแกรมหนึ่งที่คนนิยมใช้กันเป็นอย่างมากก็คือโปรแกรม Adobe Photoshop หรือที่เรามักจะเรียกกันสั้นๆ ว่า Photoshop นี่ล่ะ จัดว่าเป็นโปรแกรมการตกแต่งรูปอีกโปรแกรมหนึ่งที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายและทำให้การทำภาพเคลื่อนไหวเป็นเรื่องง่ายสุดๆ
หากว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังให้ความสนใจในการทำภาพเคลื่อนไหวผ่านโปรแกรม Photoshop ลองมาทำการศึกษาจากบทความนี้ดูแม้ว่าในตอนนี้จะมีหลายๆ เวอร์ชั่นมาให้เลือกใช้งานทว่าการใช้งานพื้นฐานหลักๆ ก็ยังคงมีหลักการที่เหมือนกัน ดังนี้
- เปิดโปรแกรม Adobe Photoshop ขึ้นมา
- จากคลิกไปที่ File แล้วเลือกไปที่ Open เพื่อจะทำการเลือกภาพที่เตรียมเอาไว้ในการสร้างภาพเคลื่อนไหว
- จากนั้นก็เลือกไฟล์ภาพที่ต้องการสร้างภาพเคลื่อนไหวซึ่งต้องมากกว่า 1 ภาพอย่างแน่นอน
- เมื่อเลือกรูปภาพแรกได้แล้วแนะนำว่าให้เปลี่ยนชื่อของ background เป็น 1 เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำว่านี่คือภาพแรก
- เลือกไปที่ create a new layer เพื่อทำการนำภาพที่ 2 มาใส่
- เลือกไฟล์ภาพที่ 2 ที่ต้องการสร้างให้เป็นภาพเคลื่อนไหวมาวางไว้ที่อีก layer ที่ได้เตรียมเอาไว้ต่อจากอันแรกแล้วกด Enter ก็จะได้เป็นภาพที่ 2
- คลิกขวาไปที่ layer 2 จากนั้นก็เลือกไปที่ Rasterize Layer เพื่อทำให้ทั้ง 2 ภาพเกิดการเคลื่อนไหว
- จากนั้นก็ใช้วิธีการนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจในการให้ภาพนั้นเคลื่อนไหวกี่สเต็ป
- เมื่อได้ภาพที่ต้องการให้เคลื่อนไหวตามกำหนดแล้วก็จัดการคลิกที่ปุ่ม Timeline เพื่อดูการเคลื่อนไหวของภาพ
- จากนั้นจะมีกล่องข้อความและมีลูกศรชี้ลงที่อยู่ขวามือของคำว่า Create Video Timeline ก็ให้คลิกที่ลูกศรแล้วเลือกไปที่ Create Frame Animation เพื่อเตรียมสร้างภาพเคลื่อนไหวที่เราได้กำหนดเอาไว้
- ปิด layer อื่นๆ ให้หมดเหลือไว้เพียง layer 1 จากนั้นก็ไปที่ new layer ที่อยู่บนแถบ Timeline เพื่อทำการเพิ่ม layer ของตัวภาพ Animation จากนั้นก็ทำการเปิด layer 2 และให้ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนถึง layer สุดท้าย
- ตรงขั้นตอนนี้ให้เลือกความเร็วที่ภาพแสดงเอาไว้ด้วยก็ได้ ว่าต้องการให้ภาพแต่ละ layer นั้นออกมากี่วินาที
- เมื่อได้ครบถ้วนตามที่ต้องการก็จัดการ save ให้เลือกไปที่ File และก็เลือก Save for web
- หลังจากนั้นก็จัดการ save ตามที่ต้องการได้เลยว่าอยากให้ไฟล์งานนี้ไปอยู่ที่โฟลเดอร์ไหน เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นวิธีการที่แสนง่ายดาย